วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

นิทานเรื่อง "เสือตีนโต"

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาชีพทำไร่ อยู่มาวันหนึ่งทั้งสองคนต่างก็ไปช่วยกันทำไร่เหมือนเคย เผอิญวันนั้นไม่ได้ห่อข้าวไปกิน คิดว่าจะกลับไปกินกันที่บ้าน พอตกบ่าย สองสามีภรรยาก็ชวนกันกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านสามีจึงพูดกับภรรยาว่า

"นี่น้อง ไปหุงหาอาหารมากินกันเถอะ วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรพี่หิวจังเลย"

ฝ่ายภรรยานั้นเป็นคนเกียจคร้านไม่ชอบหุงหาอาหารอยู่แล้ว เมื่อได้ยินสามีพูดดังนั้น จึงตรงไปยังห้องครัว เข้าไปเปิดหม้อข้าวดู ก็เห็นมีข้าวเหลืออยู่น่าจะพอแบ่งกันกินได้ จึงบอกกับสามีไปว่า

"ข้าวมีอยู่แล้วพี่ กับข้าวเมื่อเช้านี้ก็ยังเหลือ พี่หิวก็มากินได้เลย"

"เอ้างั้นก็ตกลง น้องก็มากินพร้อมกันเลยซิ" สามีพูด

สามีภรรยาต่างก็แบ่งข้าวกันกินคนละจาน ข้าวในหม้อจึงเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เผอิญมีเพื่อนคนหนึ่งมาที่บ้าน "เอ้ากำลังทำอะไรอยู่ละ" เพื่อนเอ่ยถาม

"กำลังจะกินข้าวกลางวันกัน มาๆ มานั่งกินข้าวด้วยกัน" สามีกล่าวเชิญชวนเพื่อนที่มาเยี่ยมตามธรรมเนียมไทยแท้ของคนไทย

"แหม กินสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน กำลังหิวอยู่พอดีเชียว"

เพื่อนก็มานั่งร่วมวงกินข้าวด้วย ภรรยาจึงตักข้าวที่เหลืออยู่ในหม้อ ให้แขกที่มาเยี่ยมเยือน ข้าวที่มีเหลืออยู่ในหม้อเพียงน้อยนิดก็หมดลง ทั้งสามคนต่างกินกันไปคุยกันไป ข้าวในจานแต่ละคนก็ร่อยหรอทีละนิด เผอิญข้าวในจาน ของเพื่อนหมดก่อน เพื่อนก็คอยโอกาสให้เจ้าของบ้านคดข้าวให้ตนเพิ่ม แต่ก็ไม่ตักให้เสียที ฝ่ายเพื่อนยังไม่อิ่ม จึงคิดหาอุบายที่จะบอกให้เจ้าของบ้านคดข้าวให้ จึงพูดขึ้นว่า

"เมื่อวานนี้ เราไปเที่ยวในป่ามา โอ้โฮเพื่อนเอ๋ยเราไปเจอเสือตัวหนึ่งรอยตีนโตขนาดจานข้าวนี่เลย"

เพื่อนพูดพร้อมกับเอียงจานให้เจ้าของบ้านดู เจ้าของบ้านเมื่อเห็นดังนี้ ก็ถือโอกาสเล่าต่อว่า

"เมื่อวานนี้เหมือนกันนั่นแหละ เราก็ไปเที่ยวป่ามาเหมือนกัน โอ้โฮเพื่อนเอ๋ย เราไปเจอช้างรอยตีนโตขนาดหม้อนี่แหละ"

พูดพร้อมเอียงหม้อให้ดู เพราะข้าวก็หมดหม้อแล้วเหมือนกัน

การจะพูดบอกอะไรใครนั้น ในบางครั้งเราจะพูดบอกตรงๆไม่ได้เพราะอาจเป็นการเสียมารยาท ผู้ฉลาดมักจะหาวิธีการบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ได้โดยอ้อม

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นิทานเรื่อง "นางฟ้าอยากไปโลก"

นิทานเรื่อง
"นางฟ้าอยากไปโลก"ลีราภิรมย์

มีนางฟ้าจำนวนหลายองค์อาศัยอยู่บนท้องฟ้า ทุกวันพวกเธอต้องทำงานและมีหน้าที่ของตนเอง บ้างก็รดน้ำต้นไม้ในสวน บ้างก็ควบคุมดูแลความสนุก สงบ ของเหล่านางฟ้า ตรวจตราและอื่นๆ วันหนึ่งมีนางฟ้าองค์หนึ่งซึ่งไม่เคยไปที่โลกเลย เธอจึงชวนและถามนางฟ้าที่เคยไป

"เธอเคยไปโลกไหม? ฉันอยากไปจังเลย" นางฟ้าที่ไม่เคยมายังโลกถาม

"เคยจ๊ะ" นางฟ้าที่เคยมาเที่ยวยังโลกมนุษย์ตอบ

"ที่โลกสนุกไหม" นางฟ้าที่ไม่เคยมายังโลกถามอีก

"สนุกจ๊ะ เพราะที่โลกมีธรรมชาติที่สวยงาม เธออยากไปใช่ไหมละ ฉันรู้ แต่ต้องเฉพาะวันที่โลกมืด และดวงดาวระยิบระยับ และดวงดาวพวกนั้นก็จะมาเล่นกับเราบนโลกด้วย ซึ่งวันนั้นแต่ก่อนมีบ่อยมากแต่ตอนนี้มีแค่ 2-3ปีครั้งเอง แต่เธอโชคดีมากเลยรู้มั๊ย เพราะวันนั้นก็คือวันพรุ่งนี้แล้วละ"

"หลอ!" นางฟ้าที่ไม่เคยมายังโลกกระดี๊กระด๊า

"พวกเราจะวิ่งเล่นกัน และไปดูเด็กๆที่นอนหลับให้เขาฝันถึงพวกเรา และยังมีเรื่องสนุกอื่นๆอีกเยอะเลย"

"แล้วพวกเราจะไปโลกได้ยังไงละ"

"อ๋อ...พวกเราจะเดินลงมาทางสายรุ้ง เมื่อท้องฟ้าใกล้จะสว่างพวกเราจะต้องรีบกลับ แต่ต้องระวังนะถ้าเรากลับไม่ทันก่อนทางสายรุ้งปิด ก็ต้องรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึงอีก เอาละถึงเวลาแล้ว"

นางฟ้าทุกองค์ต่างใส่ชุดสวย และเดินไปตามทางสายรุ้งที่เชื่อมระหว่างโลกและท้องฟ้า ในที่สุด ฝันก็เป็นจริง เธอและเพื่อนๆนางฟ้าต่างก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็ดดอกไม้มาร้อย ไปดูเด็กที่นอนหลับ ลงไปเล่นในสระน้ำ ชมวิว วิ่งเล่น ทำทุกอย่างที่สนุกสนาน จนถึงเวลา 4 นาฬิกา นางฟ้าทุกองค์ต่างพากันกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอ นางฟ้าที่ไม่เคยมายังโลกก็ต้องกลับขึ้นไปด้วย เธอพูดกับตัวเองว่า

"ฉันจะไม่ลืมความสนุกในวันนี้เลย และจอรอให้ถึงวันที่ท้องฟ้ามืด สนิทอีกครั้ง"

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นิทานเรื่อง "ท้าวกำพร้าเรียนมนต์ตด"

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเด็กน้อยกำพร้าอยู่คนหนึ่ง ญาติพี่น้องไม่มีใครสนใจเขาจึงต้องเที่ยวเร่ร่อนขอทานตามหมู่บ้านต่างๆ พอได้กินไปวันๆ หลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่ง สงสารจึงรับเลี้ยงไว้เป็นลูกศิษย์ในวัด ในสมัยนั้นเด็กผู้ชายจะต้องออกจากบ้านไปหาเรียนวิชา แล้วแต่ใครต้องการ เรียนอะไรหลวงพ่อก็สั่งท้าวกำพร้าให้ไปเรียนวิชาเช่นกัน โดยก่อนไปได้กำชับว่า

"เรียนอะไรก็เรียนให้จบ และอยากเรียนอะไรก็ให้เลือกเรียนได้ตามใจชอบหลวงพ่อไม่ว่าอะไร"

ณ สำนักเรียนที่มีอาจารย์เก่งทางวิชาอาคม เวทมนตร์ต่างๆ เปิดสอนให้กับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะคนหนุ่มๆนิยมไปเรียนกันมาก หลายคนเลือกเรียนวิชาตามใจชอบ แต่ท้าวกำพร้า กลับเลือกเรียนในวิชาที่ไม่มีใครเรียนกัน นั่นคือ "วิชามนต์ตด"

เขาเพียรพยายามเรียนจนจบ ตามที่หลวงพ่อสั่งไว้ว่าเรียนอะไรก็เรียนให้จบ ข่าวการเรียนมนต์ตดได้ยินไปถึงหูของญาติพี่น้องของเขา ยิ่งเพิ่มความจงเกลียดจงชังมากขึ้น

"เรียนอะไรไม่เรียนไปเรียนมนต์ตด ไม่ต้องเรียนมันก็ตดอยู่แล้ว ไปเรียนให้เสียเวลาทำไม" ญาติคนหนึ่งบ่น

อันตัวข้าพเจ้ามีนามกรว่า ท้าวกำพร้า ได้ศึกษาวิชา มนตราว่าด้วยตด ทั้งตดยาว ตดสั้น ตดไปข้างหน้า ตดมาข้างหลัง ตดลอยสูง ตดลอยต่ำ ตดควบคุมเสียง ตดเสียงสูง เสียงต่ำ ตดดัง ตอค่อย ตดไร้เสียง ตดควบคุมกลิ่น ทั้งกลิ่นหนา กลิ่นบาง ตดสร้างมิตร เสน่ห์ยาแฝด ตดใส่หญิง หญิงรัก ตดใส่ชาย ชายหลง.. ตดใส่ตุ๊ด ตุ๊ดเป็นลม เอ้ยไม่ใช่ หลงคารม ตดกลิ่นทำลายมิตรภาพ ..ตดพิฆาตศัตรูพ่าย เมื่อศึกษาจนแตกฉาน คิดทำการณ์สิ่งใด ก็สำเร็จดังประสงค์ พอเรียนจบเขากลับมาหาหลวงพ่อและเล่าเรื่องราวการเรียนให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อไม่ว่าอะไรได้แต่ให้กำลังใจว่า

"ใครจะว่าอะไรก็อย่าไปสนใจ วิชาอะไรทุกอย่างมันมีคุณทั้งนั้น ขอให้รักษาวิชาตดไว้ให้ดีบางทีเราอาจได้อาศัย"

อยู่มาวันหนึ่งมีเรือสำเภาขนาดใหญ่ขนสัมภาระเพื่อไปจำหน่ายมากมาย พอไปถึงหมู่บ้านนั้นเกิดไปติดหาดทรายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จ้างคนทั้งหมู่บ้าน ลากเข็นก็ไม่ไป พอดีเท้ากำพร้าเดินไปพบเข้าจึงพูดออกไปว่า

"เรือติดแค่นี้ ไม่ต้องทำอะไรมากเลย เพียงแค่ตดใส่เท่านั้นก็ออกได้แล้ว"

นายสำเภาได้ยินดังนั้นก็โกรธแค้นมาก คิดว่าท้าวกำพร้าพูดสบประมาท

"ข้าจ้างคนทั้งหมู่บ้านยังลากออกไม่ได้ เอ็งเก่งมาจากไหนจะมาตดใส่ให้สำเภาออกได้"

พอพูดจบนายสำเภาก็สั่งลูกน้องให้จับตัวท้าวกำพร้าไว้ ฐานพูดจาดูหมิ่น

"ช้าก่อนท่าน" ท้าวกำพร้าชิงพูดขึ้น

"ตกลง ถ้าสำเภาเคลื่อนไปได้ ข้าจะยกสินค้าในสำเภาให้เอ็งหมด แต่ถ้าเคลื่อนไม่ได้ เอ็งจะต้องถูกฆ่าตาย" นายสำเภาตกลงและต่อรอง

เมื่อตกลงดังนั้นแล้ว ท้าวกำพร้าจึงยกมือเหนือหัวแล้วอธิษฐานถึงครูบาอาจารย์

เสร็จแล้วจึงเบ่งตดออกมาเสียงดัง "ป๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาด"

ทุกคนตกตะลึงแทบไม่เชื่อสายตาที่สำเภาได้ค่อยๆเคลื่อนออกจากหาดทราย นายสำเภาดีใจมาก จึงได้มอบสินค้าทุกอย่างที่มีบนเรือ ให้หนุ่มน้อยไปตามสัญญาจากนั้นท้าวกำพร้าก็มีฐานะร่ำรวย ไม่อดอยากอีกต่อไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นิทานเรื่อง "สองพี่น้องแบ่งของ"

ชาวนาผู้หนึ่งมีบุตรสาวอยู่สองคน วันหนึ่งอยากจะทดลองปัญญาของบุตรทั้งสอง จึงส่งแตงโมให้บุตรทั้งสอง 1 ใบ โดยบอกว่าให้ทั้งสองไปแบ่งกันกินให้เท่าๆกัน เพื่อจะได้ไม่ต้องโต้เถียงทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องได้มากได้น้อย ถ้าแบ่งไม่ได้เท่าๆกัน เกิดทุ่มเถียงกันขึ้นเมื่อใด ก็จะต้องถูกลงโทษทั้งสองคน

เด็กทั้งสอง เมื่อได้รับแตงโมมาแล้วไม่รู้ว่าจะผ่าแบ่งกันอย่างไรจึงจะได้ส่วนเท่าๆกัน ด้วยเกรงจะต้องถูกทำโทษ ในที่สุดจึงตกลงกันในวิธีการดังนี้ โดยที่เด็กทั้งสอง เห็นว่า เป็นวิธีที่ยุติธรรม คือ ถ้าหากใครเป็นผู้ผ่าแตงโมออกเป็นสองซีก ผู้นั้นจะต้องเป็นฝ่าย เลือกทีหลัง และจะต้องยอมให้ฝ่ายที่ไม่ใช่เป็นคนผ่าเลือกก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ คนผ่าลำเอียง โดยผ่าเป็นชิ้นโตชิ้นหนึ่งและชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง แล้วคนผ่ารีบเลือกเอาชิ้นโต เป็นของตนเองเสียก่อน เมื่อเด็กทั้งสองได้ผ่าแตงโมแบ่งกันเสร็จแล้ว จึงรีบวิ่งไปเล่าให้บิดาฟัง บิดามีความพอใจ ในสติปัญญาของเด็กทั้งสองนั้นมาก

" มีปัญญาเหมือนอาวุธสุดคม...คิดใดก็สมคะเนหมาย "

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นิทานสอนใจ เรื่อง วิธีการหาคู่แท้

นิทานสอนใจ เรื่อง วิธีการหาคู่แท้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว …มีครูกับลูกศิษย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งใกล้กับสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้น ลูกศิษย์คนหนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า
@ ลูกศิษย์ : อาจารย์ครับ ผมสงสัยจังเลยว่า เราจะหาคู่แท้เราเจอได้ไงคับ อาจารย์บอกผมหน่อยได้ไหมครับ?
@ อาจารย์ : อืม มันเป็นคำถามที่ยากนะ ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถาม ที่ง่ายเหมือนกันนะ ลูกศิษย์ : อืม?….งงอะไม่เข้าใจ
@ อาจารย์ : โอเค งั้น เธอลองมองไปทางนั้นนะ ตรงนั้นน่ะ มีหญ้าเยอะแยะ เลยใช่ไหม เธอลองเดิน ไปหาหญ้าต้นที่สวยที่สุด แล้วเด็ดมาให้ครูสิ ต้นเดียวเท่านั้นนะ แต่ว่า เวลาเธอเดินเนี่ย เธอต้องเดินไป ข้างหน้าอย่างเดียวนะ ห้ามเดินถอยหลัง เข้าใจไหม
@ ลูกศิษย์ : ได้เลยครับ อาจารย์รอสักครูน่ะครับ (ว่าแล้ว ก็วิ่งตรงไปยังสนามหญ้า) หลังจากนั้นไม่นาน…
@ ลูกศิษย์ :ผมกลับมาแล้วครับอาจารย์
@ อาจารย์ : อืม…แต่ทำไมครูไม่เห็นต้นหญ้าสวยๆ ในมือเธอเลยหละ

@@@@@@@@@@@@@@@@